ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย การที่จะนำเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายนั้น จะต้องมีอุปกรณ์ต่าง ๆดังนี้
คอมพิวเตอร์ ในระบบเครือข่ายจะต้องมีคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น หรือประเภทเดียวกันสามารถที่จะนำคอมพิวเตอร์หลากรุ่นมาเชื่อมต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี แมคอินทอช หรือยูนิกซ์เวิร์กสเตชัน
ทรัพยากรอื่น ๆในเครือข่าย ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายได้ เช่น เครื่องพิมพ์ แฟกซ์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆ เป็นต้น
สายเคเบิล คือสายสัญญาณที่นำมาใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และทรัพยากรอื่นๆในเครือข่าย สายเคเบิลที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายแบบด้วยกัน แต่ละแบบก็มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล และราคาแตกต่างกันไป ส่วนการเลือกใช้สายเคเบิลอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเครือข่ายที่ใช้
โมเด็ม โมเด็ม (Modem) ย่อมาจากคำว่า "Modulator/D e m o d u l a t o r" กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก เรียกว่า มอดูเลชั่น (Modulation) โมเด็มที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า โมดูเลเตอร์(Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิทัล เรียกว่า ดีมอดูเลชั่น (Demodulation) โมเด็มที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า ดีโมดูเลเตอร์ (D e m o d u l a t o r)
การ์ดเชื่อมต่อเครือข่ายหรือแลนการ์ด (Network Interface Card : N I C) อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายเคเบิลคือการ์ดเชื่อมเครือข่าย การ์ดนี้ส่วนใหญ่จะติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเสียบลงบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ส่วนพอร์ตในการเชื่อมต่อกับสายเคเบิลจะอยู่ทางด้านหลังของเครื่องคอมพิวเตอร์ ช่วยในการควบคุม การรับส่งข้อมูล และตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายเคเบิลในเครือข่ายมีลักษณะเป็นช่องเสียบสายเคเบิลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์กับเครื่องพีซีอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องไคลเอนต์
พีตเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนตัวกลางนำสัญญาณจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง เช่น จากไฟเบอร์ออฟติกมายังโคแอกเชียล หรือการเชื่อมระหว่างตัวกลางเดียวกันก็ได้ การใช้รีพีตเตอร์จะทำให้เครือข่ายทั้งสอง เสมือนเชื่อมกัน โดยที่สัญญาณจะวิ่งทะลุถึงกันได้หมด รีพีตเตอร์จึงไม่มีการกันข้อมูล แต่จะมีประโยชน์ในการเชื่อมต่อความยาวให้ยาวขึ้น
บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลนเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถขยายขอบเขตของLAN ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบ ไม่ลดลงมากนัก มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่ เพียงเครือข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับเครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้
เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลายระบบเข้าด้วยกัน คล้ายกับบริดจ์ แต่มีส่วนการทำงานที่ซับซ้อนมากกว่าบริดจ์มาก โดยเราเตอร์จะมีเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างแต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า Routing Table ทำให้เราเตอร์สามารถทำหน้าที่จัดหาเส้นทางและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เพื่อการติดต่อระหว่างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถสูงสุด ในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆเข้าด้วยกัน โดยไม่มีขีดจำกัด ทั้งระหว่างเครือข่ายต่างระบบ หรือแม้กระทั่งโปรโตคอล จะแตกต่างกันออกไป เกตเวย์จะแปลงโปรโตคอล ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ต่างชนิดกัน จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพง และติดตั้งใช้งานยุ่งยาก เกตเวย์บางตัว จะรวมคุณสมบัติในการเป็นเราเตอร์ด้วยในตัว หรือแม้กระทั่ง อาจรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงาน ด้านการรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่าไฟร์วอลล์ (Firewall) เข้าไว้ด้วย
ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย
ฮาร์ดแวร์ของเครือข่าย
สื่อและอุปกรณ์ของระบบเครือข่าย
สายที่ส่วนมากใช้ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์มี 3 ประเภท คือสายคู่ตีเกลียว สายโคแอกเชียล และสายไฟเบอร์ออปติก การสื่อสารโดยใช้ระบบไร้สายที่นิยมมากที่สุด คือ ระบบเซลูลาร์ และคลื่นไมโครเวฟ•ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์นอกจากที่เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องมีสื่อในการเชื่อมต่อแล้วยังต้องมีการ์ดในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายด้วย• เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายต้องมีการใช้ข้อตกลงที่เหมือนกันในการติดต่อสื่อสารข้อมูล• เทคโนโลยีพื้นฐานของระบบเครือข่าย คือ อีเทอร์เน็ต (Ethernet)โทเคนริง (Token Ring) และอาร์กเน็ต (ARC net)
การสื่อสารข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์
ในปี ค.ศ.1978 บริษัท Hayes Microcomputer Product ได้แนะนำโมเด็มตัวแรกที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ส่วนบุคคลเพื่อทำการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์• โมเด็มถูกใช้ในการแปลงสัญญาณจากสัญญาณดิจิทัล เป็นสัญญาณแอนาล็อกเพื่อส่งผ่านสายโทรศัพท์ เมื่อโมเด็มฝั่งรับได้รับข้อมูลก็จะทำการแปลงข้อมูลแอนาล็อกไปเป็นสัญญาณดิจิทัล• สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อโมเด็ม คือ ความเร็วในการส่งข้อมูล แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณานั่นคือ วิธีการบีบอัดข้อมูล วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาด และการเลือกโมเด็มที่ติดตั้งภายใน หรือโมเด็มที่ติดตั้งภายนอก
การใช้สายโทรศัพท์ระบบดิจิทัล
สายโทรศัพท์ระบบแอนาล็อกส่งข้อมูลได้ช้า และไม่เหมาะสมในการส่งข้อมูล ดังนั้นองค์การโทรศัพท์จึงได้มีการเปลี่ยนมาเป็นการให้บริการแบบดิจิทัล• ชนิดของการให้บริการระบบดิจิทัลที่รู้จักกันดี คือ ISDN•การให้บริการ ISDN ส่วนมากจะอยู่ตามพื้นที่ในเมือง ซึ่งระดับที่ต่ำสุดเรียกว่า BRI ซึ่งมีแบนวิทอยู่ที่ 128 Kbps• สาย T1 และ T3 มีแบนวิทที่สูงขึ้นสามารถที่จะส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 1.544 Mbps และ 44.736 Mbps ตามลำดับ• สิ่งที่เหมาะกับการสื่อสารระยะไกลในวันนี้คือ ATM สามารถที่จะส่งข้อมูลเป็นเสียง ข้อมูล และข้อมูลที่เป็นภาพได้เซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์สำหรับเครือข่าย อุปกรณ์เก็บข้อมูล เครื่องพิมพ์สำหรับเครือข่าย การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย ฮับ รีพีตเตอร์ บริดจ์ เราเตอร์ เบราเตอร์ เกตเวย์ โมเด็ม อุปกรณ์CSU มัลติเพล็กเซอร์สื่อส่งข้อมูล [2] [3-3-36]• หลักการในการเลือกใช้สื่อส่งข้อมูล• สายโคแอกเชียล•สายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวน• สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน• สายใยแก้วนำแสง• ระบบแสงอินฟราเรด• ระบบวิทยุ• ระบบคลื่นไมโครเวฟ• ระบบดาวเทียม
ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย
การที่จะนำเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายนั้น จะต้องมีอุปกรณ์ต่าง ๆดังนี้
คอมพิวเตอร์ ในระบบเครือข่ายจะต้องมีคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น หรือประเภทเดียวกันสามารถที่จะนำคอมพิวเตอร์หลากรุ่นมาเชื่อมต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี แมคอินทอช หรือยูนิกซ์เวิร์กสเตชัน
ทรัพยากรอื่น ๆในเครือข่าย ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายได้ เช่น เครื่องพิมพ์ แฟกซ์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆ เป็นต้น
สายเคเบิล คือสายสัญญาณที่นำมาใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และทรัพยากรอื่นๆในเครือข่าย สายเคเบิลที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายแบบด้วยกัน แต่ละแบบก็มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล และราคาแตกต่างกันไป ส่วนการเลือกใช้สายเคเบิลอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเครือข่ายที่ใช้
โมเด็ม
โมเด็ม (Modem) ย่อมาจากคำว่า "Modulator/D e m o d u l a t o r" กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก เรียกว่า มอดูเลชั่น (Modulation) โมเด็มที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า โมดูเลเตอร์(Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิทัล เรียกว่า ดีมอดูเลชั่น (Demodulation) โมเด็มที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า ดีโมดูเลเตอร์
การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card : NIC) เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเสียบลงบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ที่การ์ดจะมีช่องสำหรับต่อสายเคเบิ้ลของเครือข่าย
ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ศูนย์กลางที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยการเสียบสายเคเบิ้ลจากคอมพิวเตอร์ทั้งหลายเข้าที่ฮับ ช่องที่ใช้เสียบสายเคเบิ้ล เรียกว่า “พอร์ต” โดยปกติฮับจะมีพอร์ตตั้งแต่ 4, 8, 16, 24 เป็นต้น ฮับเป็นอุปกรณ์ สำคัญของเครือข่าย หากฮับหยุดทำงานจะทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์หยุดทำงานด้วย
รีพีตเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับแต่งสัญญาณใหม่เพื่อให้สามารถ ส่งสัญญาณข้อมูลในเครือข่ายได้ไกลขึ้น ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอยู่ใน ตำแหน่งที่ห่างกันมากเช่นอยู่ในโรงงานขนาดใหญ่ ระยะห่างเช่นนี้อาจจะมีสัญญาณ รบกวนในสายเคเบิ้ลได้ วิธีแก้ไขก็ให้ใช้
รีพีตเตอร์ เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างกัน เพื่อให้สัญญาณวิ่งได้ไกลขึ้น
บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายสองเครือข่าย เข้าด้วยกันซึ่งดูแล้วคล้ายกับเป็นสะพานเชื่อมสองฟากฝั่งเข้าด้วยกัน ด้วยเหตุนี้จึงเรียก อุปกรณ์นี้ว่า “บริดจ์” ซึ่งแปล ว่า “สะพาน” บริดจ์มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่เพียงเครือข่ายเดียวเพื่อให้เครือข่ายย่อยเหล่านั้น สามารถติดต่อสื่อสารกับเครือข่ายย่อยอื่นได้ เครือข่ายที่ประกอบจากเครือข่ายย่อยหลายๆ เครือข่ายเรียกว่า “อินเทอร์เน็ตเวิร์ก” (Internet work)
เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน โดยเราเตอร์จะทำการจัดหาเส้นทางวิ่งของข้อมูลให้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพที่สุด เราเตอร์บางชนิดมีคุณสมบัติในการตรวจสอบอย่างอัตโนมัติในจุดของเครือข่าย ที่ไม่ทำงานหรือทำงานช้าและเมื่อพบปัญหา เราเตอร์จะจัดหาเส้นทางวิ่งของข้อมูลใหม่ ที่ดีกว่าเดิม เราเตอร์จะมองและแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วน ๆ เรียกว่า เซกเมนต์(Segment) พร้อมทั้งกำหนดตัวเลขแอดเดรส (Address) เพื่อให้เป็นตำแหน่งที่อยู่ การกำหนด แอดเดรสของเครือข่ายแต่ละเซกเมนต์และคอมพิวเตอร์แต่ละตัวนั้นจะช่วยให้เราเตอร์ สามารถคำนวณหาเส้นทางวิ่งของข้อมูลที่ดีที่สุดในเครือข่ายได้
ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย
ฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจำนวนอุปกรณ์จะมีความซับซ้อนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร หรือประเภทของระบบเครือข่าย ตัวอย่างเช่น ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น หรือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระยะใกล้
(Local Area Network : LAN) ฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้ ได้แก่
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เครื่องแม่ข่าย และ เครื่องลูกข่าย
1.1 เครื่องแม่ข่าย
เครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) ควรเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถคำนวณหรือประมวลผลได้รวดเร็ว มีหน่วยความจำสูง ใช้เป็นศูนย์กลางการเก็บข้อมูลและประมวลผลของระบบเครือข่าย ในระบบเครือข่ายขนาดเล็กมักจะไม่มีเครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์เนื่องจากมีราคาสูง แต่อาจใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเดียวกับเครื่องลูกข่ายแทน หรือไม่มีเครื่องแม่ข่ายเลยก็ได้
1.2 เครื่องลูกข่าย
เครื่องลูกข่ายหรือเครื่องไคลเอนต์ (Client) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพสูงเท่าเครื่องแม่ข่าย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.2.1 เครื่องเวิร์กสเตชัน (Workstation) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลด้วยตนเองสามารถทำงานได้เร็ว เพราะไม่ต้องรอรับผลจากเครื่องแม่ข่าย เครื่องเวิร์กสเตชันเมื่อออกจากระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์สแตนด์อโลน แต่ค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษา จะสูงกว่าเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัล
1.2.2 เครื่องเทอร์มินัล (Terminal) เป็นเครี่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ด้วยตนเอง มีความสามารถในการทำงานช้า เพราะต้องรอการประมวลผลจากเครื่องแม่ข่ายเท่านั้น เครื่องเทอร์มินัล ประกอบไปด้วย จอคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และเมาส์ เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลและส่งข้อมูลไปยังเครื่องแม่ข่าย ทำให้ประหยัดค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างมาก เครื่องเทอร์มินัลเมื่อออกจากเครือข่ายจะไม่สามารถทำงานได้แต่การดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัล จะง่ายกว่าระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเวิร์กสเตชัน
2. แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card : N I C)
หรือนิยมเรียกกันว่า แลนการ์ด(L a n Card) ใช้สำหรับต่อสายนำสัญญาณของระบบเครือข่าย ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสารส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายได้
รูปแสดงตัวอย่าง แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ P C I
รูปแสดงตัวอย่าง แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ USB
3. สายนำสัญญาณ (Cable)
3.1 สายคู่บิดเกลียว (Twisted – Pair Cable)
สายคู่บิดเกลียวประกอบด้วยสายทองแดง ที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก หลังจากนั้นก็นำสายทั้งสองมาถักกันเป็นเกลียวคู่ เพื่อช่วยลดสัญญาณรบกวนภายในสาย สายคู่บิดเกลียวมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
3.1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มีชีลด์
(U n s h i e l d e d Twisted –Pair Cable :U T P)
3.1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบมีชิลด์
(Shielded Twisted –Pair Cable :S T P)
ข้อดี ราคาถูก มีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการใช้งาน
ข้อเสีย มีความเร็วจำกัด ใช้กับระยะทางสั้นๆ
3.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
สายโคแอกเชียลประกอบด้วยสายทองแดงจะถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติก จากนั้นก็จะมีชิลด์ห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน และหุ้มด้วยเปลือกนอกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสายโคแอกเชียลที่เห็นได้ทั่วๆไป คือ สายที่นำมาใช้ต่อเข้ากับเสาอากาศโทรทัศน์ที่ใช้ตามบ้าน
ข้อดี เชื่อมต่อได้ในระยะไกล ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี
ข้อเสีย มีราคาแพง สายมีขนาดใหญ่ ติดตั้งยาก
3.3 สายไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic)
สายไฟเบอร์ออปติคหรือสายใยแก้วนำแสง เป็นสายที่ใช้คลื่นแสงส่งผ่านไปยังตัวกลางใยแก้ว มีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก ทำให้สามารถส่งสัญญาณด้วยความเร็วสูงและได้ระยะทางที่ไกลขึ้น
รูปแสดงตัวอย่าง สายไฟเบอร์ออปติคสำหรับใช้ภายในอาคาร
ข้อดี มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา มีความปลอดภัยในการส่งข้อม มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
ข้อเสีย เส้นใยแก้วมีความเปราะบาง แตกหักง่าย มีราคาสูง เมื่อเทียบกับสายเคเบิลทั่วไป
มีขั้นตอนในการติดตั้งที่ยุ่งยากและซับซ้อน
4. ฮับ/สวิตช์ (HUB/Switch)
ฮับ กับ สวิตช์ เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายเข้าด้วยกัน มีรูปร่างลักษณะภายนอกคล้าย ๆ กัน แต่มีความสามารถในการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้
4.1 ฮับ (HUB) มีหน้าที่ในการจัดการสัญญาณที่ส่งมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ กระจายสัญญาณต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ทุกเครื่อง หากมีการส่งสัญญาณพร้อม ๆ กันจะทำให้ความเร็วของการส่งสัญญาณในระบบเครือข่ายลดลง ดังนั้น HUB จึงไม่เหมาะกับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ เพราะมีปัญหาเรื่องความเร็วในการสื่อสาร
4.2 สวิตช์ (Switch) จะมีความสามารถในการทำงานมากกว่า Hub โดยที่อุปกรณ์ Switch จะทำงานในการ รับ-ส่งข้อมูล ที่สามารถส่งข้อมูลจากพอร์ตหนึ่งของอุปกรณ์ ไปยังเฉพาะพอร์ตปลายทางที่เชื่อมต่ออยู่กับอุปกรณ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการส่งข้อมูลไปหาเท่านั้น ซึ่งจากหลักการทำงานในลักษณะนี้ ทำให้พอร์ตที่เหลือของอุปกรณ์ Switch ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับ-ส่งข้อมูลนั้น สามารถทำการ รับ-ส่งข้อมูลกันได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ในปัจจุบันอุปกรณ์ Switch จึงได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานในระบบเครือข่ายมากกว่า ฮับ (Hub)
รูปแสดงตัวอย่าง สวิตช์ (Switch)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น